นางสาวกุลธิดา เลี่ยวบุ้นกิม เลขที่
48 ชั้น ม.6/2
วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2557
ข้าวเม่าคือ
ข้าวเม่า
ได้มาจากรวงข้าวสีเขียวไล่มาจนถึงสีเขียวตกน้ำตาล
การบริโภคข้าวเม่าพบในทุกประเทศที่ปลูกข้าว ตั้งแต่ไทยลาว กัมพูชา เวียดนาม พม่า
ภูฏาน อินเดีย ทิเบต ในภูฏานใช้เป็นอาหารว่างกินกับน้ำชา ในไทยเป็นขนมที่นิยมกินมาตั้งแต่สมัยโบราณ
ในอดีตตอนหน้าน้ำจะมีแม่ค้านำขนมใส่เรือมาขาย
และขนมกลุ่มนั้นมีข้าวเม่าทอดอยู่ด้วย มีกล่าวถึงข้าวเม่าในนิราศน้ำท่วมใหญ่ พ.ศ. 2460 ว่าพวกแม่ค้ามาขายข้าวเม่าทอด แตงเมหลอดน้ำยาแกงปลาไหล มีเพลงกล่อมเด็กกล่าวถึงข้าวเม่าว่า
โอ้ละเห่เอย หัวล้านนอนเปล ลักข้าวเม่าเขากิน
เขาจับตัวได้เอาหัวไถลไถดิน หัวล้านมักกินตกสะพานลอยไป
ข้าวเม่ามีทั้งข้าวเม่าข้าวเหนียว
ข้าวเจ้าและข้าวเหนียวดำ โดยที่นิยมมากที่สุดคือข้าวเม่าข้าวเหนียว แบ่งได้เป็น 3 แบบ คือ ข้าวฮ่างหรือข้าวเม่าอ่อนทำจากเมล็ดข้าวสีเขียวจัด
ข้าวเม่าแบบเขียวอ่อน ทำจากข้าวห่ามที่เปลือกเป็นสีเขียวเข้ม ข้าวเม่าขาวนวล
ทำจากข้าวเกือบแก่ เปลือกเขียวอมน้ำตาล ข้าวเม่าทำเป็นขนมได้หลายแบบ เช่น
ใส่เป็นส่วนผสมในกระยาสารท ข้าวเม่าบด
ใช้ข้าวเม่าใหม่คั่วให้หอมแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง หยดหัวกะทิลงบนข้าวเม่าที่กรองไว้
กะทิจะผสมข้าวเม่าเป็นก้อน แล้วนำมากลิ้งไปมาบนฝ่ามือให้เป็นก้อนเหมือนไข่จะละเม็ดข้าวเม่าราง
คือข้าวเม่าที่นำมาคั่วจนพองแล้วกินกับน้ำกะทิ ข้าวเม่าหมี่ เป็นข้าวเม่ารางแบบแห้ง คือใส่กุ้งแห้ง
เต้าหู้ทอด ถั่วลิสง หรือใส่น้ำตาลทรายถ้าเป็นแบบหวานข้าวเม่าทอด
เป็นข้าวเม่ากวนกับน้ำตาลผสมกับแป้งพอกกล้วยไข่ทั้งลูกแล้วทอด
บางท้องถิ่นเรียกกล้วยข้าวเม่า
วิธีการทำ ข้าวเม่า
1.เลือกข้าวที่ไม่แก่ไม่ออ่นเกินไปเลือกเมล็ดที่มีสีเขียวเหลืองอ่อนพอดี
2.นำข้าวที่เกี่ยวเสร็จมาตี เพื่อเอาข้าวแก่
3.นำข้าวที่เหลือมาปั่นเพื่อทำเป็นข้าวอ่อน
5.นำข้าวไปแช่น้ำประมาณ 3-4
ชั่วโมง
6.ผสมสีผสมอาหารสีเขียวและสีเหลืองโดยผสมน้ำ 10 ลิตรต่อสีเขียว 2 ชอง และสีเหลืองครึ่งชอง
7.นำข้าวเม่ามาใส่ในตระกร้าให้เสด็จน้ำก่อนนำมาคั่ว
8.นำกระทะขึ้งตั้งเตาไฟแล้วใส่น้ำสีที่ผสมไว้ประมาณ 5 ขันจากนั้นรอให้น้ำเดือดแล้วนำข้าวเม่ามาใส่ในกระทะ
9.จากนั้นก็คลไปเรื่อยๆ จนข้าวแห้ง
แล้วค่อยเติมน้ำประมาณ 2 ขัน
คลไปเรื่อยๆจนข้าวสุก
*หมายเหตุ วิธีการดูว่าข้าวเป็นยังไง
คือ พอข้าวแห้งแล้วลองตำดูถ้าไม่ติดสากแสดงว่าข้าวสุก
แต่ไม่ต้องให้ข้าวแข็งจนเกินไป เพราะเวลาตำจะทำให้ข้าวหัก
10.หลังจากคั่วเสร็จก็นำข้าวมาผึ่งให้เย็น
11.จากนั้นนำข้าวเม่ามาตำโดยจะตำอยู่ 3 รอบ
- รอบที่1
ตำเพื่อปลอกเปลือกข้าวออก จากนั้นก็นำไปสีเพื่อแยกกากข้าวออกแล้วนำมากลับมาตำใหม่
- รอบที่2
ตำเพื่อให้กากข้าวที่เหลือติดอยู่กับเมล็ดข้าวออกหมด
- รอบที่3
ตำเพื่อให้เมล็ดข้าวให้แบน
และอ่อนนุ่มดูน่ารับประทานแล้วนำกับไปสีอีกครั้งเพื่อให้กากข้าวที่เหลือออกให้หมด
12.เมื่อได้ข้าวเม่าที่ตำเสร็จแล้วพร้อมที่จะรับประทาน
หรือนำไปแปรรูปทำได้หลายเมนู
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)